2552-06-15

เศรษศาสตร์

บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค คือ จอห์น เมนาร์ด เคนส์ (John maynard Keynes) ผู้เขียนหนังสือ "The General Theory of Employment, Interest and Money" และเสนอแนวคิดที่ว่า รัฐบาลควรเข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐศาสตร์มากขึ้น




บิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์ คือ อาดัม สมิธ (Adam Smith) ชาวสก๊อตแลนด์ (1723-1790) ผู้แต่งตำราทางด้านเศรษฐศาสร์ที่จัดได้ว่าเป็นตำราทางเศรษฐศาสตร์ฉบับแรกของโลก ชื่อ "An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations" หรือเรียกชื่อสั้นๆ ว่าผู้เขียนหนังสือ "The Wealth of Nations" และเสนอนโยบายเสรีนิยม(Laissezfaire) ว่ารัฐบาลไม่ควรแทรกแซงระบบเศรษกิจ ทุกสิ่งควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด


ความเป็นมาของวิชาเศษฐศาสตร์ในประเทศไทย
ตามหลักฐานในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชตอนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า เมืองสุโขทัยนี้ดีในน้ำมีปลาในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอากอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้าขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า…… ซึ่งสรุปได้ความว่า เมืองสุโขทัยในสมัยพระเจ้ารามคำแหงมหาราชนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ ในแม่น้ำ ลำคลองก็มีปลา ในท้องทุ่งนาก็มีข้าวเขียวชอุ่ม ประชาชนทำการค้าโดยเสรีและไม่มีการเก็บภาษีอากรด้วย นอกจากนี้ยังทำการค้ากับประเทศจีน ต่อมาในสมัยอยุธยาและสมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเทศไทยได้มีการค้ากับต่างประเทศ ได้เริ่มรับเอาวิทยาการทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาจากต่างประเทศ เกี่ยวกับการคลัง การเงินและการธนาคาร ตลาดจน การค้า แต่ยังมิได้รวบรวมไว้เป็นหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องแน่นอน
พระยาสุริยานุวัตรได้พิมพ์หนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทยขึ้นชื่อ “ทรัพยศาสตร์” แต่ได้ถูกรัฐบาลสมัยนั้นขอร้องมิให้นำออกเผยแพร่ จนกระทั่งในสมัยหลังการเปลี่ยนแปลง การปกครองจึงได้นำออกมาพิมพ์ขึ้นใหม่ มีชื่อว่า “เศรษฐศาสตร์วิทยาภาคต้น เล่ม 1” มีเนื้อหาสาระว่าด้วย การสร้างทรัพย์ การแบ่งปันทรัพย์หรือการกระจายรายได้
ในปี พ.ศ.2459 กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ได้พิมพ์หนังสือ “ตลาดเงินตรา” (Money Market) แต่การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ในสมัยนั้นยังไม่จริงจังและแพร่หลาย จนกระทั่งได้มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2477 การศึกษาวิชานี้จึงเริ่มแพร่หลาย มีผู้แปลหนังสือ “The Principle of Political Economy” ของศาสตราจารย์ ชาร์ล จีด (Charle Gide) เป็นภาษาไทยและได้พิมพ์ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2479 ในระยะเวลาเดียวกันคุณพระสารสาส์นพลขันธ์ ได้เขียนตำราเศรษฐศาสตร์ขึ้น 2 เล่ม คือ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยกิจการค้า และ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเงิน ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2480 และ 2481

ประวัติของนักปรัชญาที่สำคัญของโลก

เครดิต http://learners.in.th/blog/siwa007/257292
เครดิต: http://learners.in.th/blog/siwa007/257293

///////////////////////////////////////////
ตบท้ายด้วยเรื่องเบาสมอง คลายเครียด

One more lightbulb joke:
Q: How many economists does it take to change a lightbulb?
A: Eight. One to screw it in and seven to hold everything else constant.


คำถาม: ต้องใช้นักเศรษฐศาสตร์กี่คนในการเปลี่ยนหลอดไฟ ?

คำตอบ: ใช้ 8 คน

เหตุผล: คนนึงเปลี่ยนหลอดไฟ ส่วนอีก 7 คนยึดอย่างอื่นไว้ให้คงที่]
เครดิต http://house.exteen.com/20090611/entry

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!

(ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่สำคัญที่สุดว่า กำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่ (Other things being equal) มีเพียงเฉพาะปัจจัยที่กำลังพิจารณาเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่จะดูว่า จะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไร ...ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง เราอาจไม่มีวันพิสูจน์ได้ว่า ทฤษฎีทางเศรษฐศาตร์สารพัดทฤษฎีนั้น เป็นจริงหรือไม่ ???????)"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก